เมื่อผลผลิตจาก ไทยลีก ออกไปสู่ ทีมชาติไทย
การได้ออกไปเล่นเกมเยือนอีกครั้งของ ทีมชาติไทย กับบุกไปเจอชาติจากโซนที่แพ้ทางอย่าง อาหรับ แต่ในครั้งนี้พวกเขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารากฐานที่ดีจากฟุตบอลลีก เริ่มส่งผลสู่ ทีมชาติไทย ทีละเล็กละน้อย
เข้าสู่ช่วงเบรกให้กับทีมชาติ บรรดาคอบอลก็อาจจะต้องเหงากันนิดหน่อย เพราะหลายคนไม่ได้ติดตามเกมในระดับชาติ บ้างก็บอกว่าทีมชาติเตะกันน่าเบื่อ แต่สำหรับแฟนไทยก็ย่อมต้องติดตามทีมชาติไทยของเรา ในช่วง ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ เหล่า ‘ช้างศึก’ ก็ยกพลกันไปอุ่นเครื่องถึงแดนตะวันออกกลาง โดยมีกันให้ติดตามถึงสองชุดทั้ง ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง และทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มี อิสสระ ศรีทะโร นำทัพอยู่
สำหรับชุดใหญ่พวกเขาแข่งขันไปแล้วหนึ่งนัดกับ ซีเรีย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้ว่าผลออกมาจะเป็นความพ่ายแพ้ไปถึง 1-3 แต่ก็เป็นฟอร์มการเล่นก็เรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่น้อย ส่วนความน่าประทับใจจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปไล่เรียงกันดูอีกครั้งหนึ่ง อีกหนึ่งนัดมีคิวแข่งกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงคืนวันที่ 28 มีนาคม สำหรับ ‘ช้างน้อย’ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขัน โดฮา คัพ 2023 กับ 2 นัดที่ผ่านมาพวกเขาเสมอ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย แบบสุดมัน 2-2 และเก็บ 3 คะแนนจาก กาตาร์ เจ้าภาพ 1-0 ทำให้มีคิวอีกหนึ่งนัดในการชิงอันดับ 3 กับ ทีมชาติคูเวต
ทีมชาติไทยชุดใหญ่ เรียกผู้เล่นมาอย่างเต็มสูบในการอุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า ครั้งนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทัวร์นาเมนต์อย่าง คิงส์คัพ และศึกชิงแชมป์อาเซียน ไม่ได้ใช้ชุดใหญ่แบบ 100% เนื่องจากหลายๆปัจจัย ในรอบนี้มีมาทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ 2 สตาร์ที่ออกไปค้าแข้งที่ ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการเรียก นิโคลัส มิคเกลสัน แบ็กวัย 23 ลูกครึ่ง สวีเดน ติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ส่วนตัวผู้เล่นจาก ไทยลีก ก็เรียกนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุด ซึ่งเป็นไม่กี่ครั้งที่ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเรียกตัวของเฮดโค้ช
การเจอกับ ซีเรีย ถือว่าเป็นของแข็ง ไล่ตั้งแต่อันดับ ฟีฟ่า แรงกิ้ง ที่เป็นรองเกือบ 20 อันดับ เรื่องเฮดโค้ชพวกเขาใช้ เฮคตอร์ คูเปอร์ กุนซือมากประสบการณ์ที่ผ่านการคุมทีมมาแล้วทั้ง มาลาก้า, บาเลนเซีย, อินเตอร์ มิลาน และ เรอัล เบติส ทำให้ความคาดหวังต่อชัยชนะของแฟนบอล ‘ช้างศึก’ ไม่ได้สูงเหมือนหลายๆนัดก่อนหน้านี้
แต่ตลอดเกมเหล่า ‘ช้างศึก’ ก็ตกมัน โชว์จังหวะการเล่นสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเกม แก้เพรสไปจนถึงจังหวะการเข้าทำ จะขาดก็แต่เพียงความเฉียบคมในแดนหน้า และความไม่ละเอียดในดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ในเกมรับ ทำให้สกอร์หลังจบ 90 นาที ดูจะห่างไกลจากรูปเกมอยู่มากโข เช่นเดียวกับในชุดน้องเล็ก ที่ไม่แพ้ใครตลอดการเจอคู่แข่งระดับท็อปของเอเชีย ทั้งสองเกมพวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการเล่นที่สวยงาม มีชั้นเชิง และความสู้ไม่ถอย โดยเฉพาะลูกโหม่งตีเสมอจาก โจนาธาร เข็มดี ในช่วงวินาทีสุดท้าย
ทั้งหมดนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นพ่วงมาจากความเข้มข้นในเกมฟุตบอลระดับลีกของบ้านเรา ไล่ตั้งแต่ ไทยลีก ไปจนถึงลีกระดับกึ่งอาชีพ มีผลผลิตที่เป็นตัวหลักในทีมชาติชุดนี้ เช่นจาก บุรีรัมย์ ที่พร้อมจะก้าวออกไปสู่ระดับโลกอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ศุภชัย ใจเด็ด มีกองหลังที่ไว้ใจได้อย่าง กฤษดา กาแมน หรือ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่ค่อยๆเก็บประสบการณ์ในลีกจนก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของไทย ในเวลานี้
ยิ่งมองมาที่ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ยิ่งเห็นได้ชัด ดาวรุ่งหลายคนก้าวขึ้นมายึดเป็นตัวจริงในเกมระดับสโมสรจนติดทีมชาติไทยชุดนี้ เช่น เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์ ปีกวัย 21 ปี ที่ลงให้กับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด อย่างสม่ำเสมอ, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ยิงให้กับ การท่าเรือ เอฟซี ไป 6 ประตู ก็โชว์ความแข็งแกร่งของร่างกายที่เขาต้องเบียดสู้กับกองหลังต่างชาติใน ไทยลีก อยู่เป็นประจำ จนเป็นที่มาของลูกยิงออกนำใส่ ซาอุดิอาระเบีย ในเกม โดฮา คัพ นัดแรก
ทั้งหมดนี้เกิดมาจากรากฐานเมล็ดพันธุ์ของฟุตบอลลีกที่ ประเทศไทย สร้างมาเกือบ 10 ปี และกำลังออกดอกออกผลให้เห็นในเวลานี้ ทั้งเหล่าดาวรุ่งที่รอวันเติบโต เหล่านักเตะที่เริ่มมีประสบการณ์ที่กำลังมองหาเส้นทางใหม่ๆในต่างแดน จนไปถึงเหล่าซีเนียร์ ที่กลับมามอบประสบการณ์กลับคืนสู่เด็กรุ่นใหม่จากการได้เล่นร่วมกันในลีก
แต่วันนี้การเติบโตยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งทาง ต้นไม้ที่เรียกว่าฟุตบอลไทย ยังต้องผ่านอุปสรรคอีกหลายอย่าง รวมถึงผลที่ออกมาจากต้นไม้ต้นนี้ ต้องไปสู่มือเชฟ หรือโค้ชที่มีฝีมือดีพอที่จะปรุงแต่งให้เป็นอาหารจานเลิศ เพราะเราเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ฟุตบอลไทย นักเตะไทย ทีมชาติไทย จะก้าวขึ้นไปสู่ระดับโลกได้อย่างยั่งยืน